ชื่อ นางสาววัลลี กงล้อม รหัส 5711165419 สาธารณสุขชุมชน ห้อง 4
แบบฝึกหัดที่ 4
1.อธิบายฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์
ตอบ Centralized Database System หรือ ระบบฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์นั้น คือ ระบบฐานข้อมูลที่มีการเก็บฐานข้อมูลเอาไว้ที่ศูนย์กลางเพียงจุดเดียว นั่นหมายความว่า การเรียกใช้และบันทึกนั้นจะเกิดเพียงจุดเดียว ซึ่งจะแตกต่างกับ ฐานข้อมูลแบบกระจาย ที่มีการกระจายการเก็บฐานข้อมูลไปตามไซต์ต่างๆ ทำให้ศูนย์กลางไม่ต้องรับภาระจากการส่งข้อมูล เมื่อมีการเรียกใช้จากไซต์ต่างๆ
ตอบ Centralized Database System หรือ ระบบฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์นั้น คือ ระบบฐานข้อมูลที่มีการเก็บฐานข้อมูลเอาไว้ที่ศูนย์กลางเพียงจุดเดียว นั่นหมายความว่า การเรียกใช้และบันทึกนั้นจะเกิดเพียงจุดเดียว ซึ่งจะแตกต่างกับ ฐานข้อมูลแบบกระจาย ที่มีการกระจายการเก็บฐานข้อมูลไปตามไซต์ต่างๆ ทำให้ศูนย์กลางไม่ต้องรับภาระจากการส่งข้อมูล เมื่อมีการเรียกใช้จากไซต์ต่างๆ
1.สถาปัตยกรรมระบบแบบรวมศูนย์
(Centralized System Architecture)
สถาปัตยกรรมระบบแบบรวมศูนย์
หมายถึง
สถาปัตยกรรมระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลที่มีการรวมระบบประมวลผลและระบบจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ที่ศูนย์กลางที่เดียว
กล่าวคือ ให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานภายนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการมีระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลบูรณาการรวมกันเป็นชุดเดียว
และให้หน่วยงานย่อยและหน่วยงานระดับภูมิภาคของแต่ละหน่วยงานหลักนี้ใช้งานระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลร่วมกัน
โดยการกำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลในแต่ละส่วนที่แตกต่างกันตามภาระหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน
โดยให้สถาบันการศึกษาในทุกระดับชั้นและทุกสังกัด
ส่งต่อข้อมูลด้านการศึกษาของตนเข้าสู่ระบบกลางนี้
และให้หน่วยงานที่มีภาระหน้าที่ในการกำกับดูแลสถาบันการศึกษาในแต่ละลำดับชั้นของการกำกับดูแล
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
เพื่อส่งต่อให้หน่วยงานในระดับสูงขึ้นไปผ่านระบบกลางดังกล่าว เช่น
หน่วยงานกำกับดูแลโรงเรียนประถมศึกษาในจังหวัดหนึ่ง
ก็มีภาระหน้าที่ในการดูแลและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจากโรงเรียนประถมศึกษาในจังหวัดนั้น
ๆ เพื่อให้หน่วยงานต้นสังกัดที่ส่วนกลางนำข้อมูลนี้ไปศึกษาวิเคราะห์และสรุปเป็นภาพรวมอีกชั้นหนึ่ง
เป็นต้น กรณีที่สถาบันการศึกษาไม่สามารถส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบกลางนี้ได้ด้วยตนเอง
เนื่องจากขาดศักยภาพด้านบุคลากรหรือด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่จะดำเนินการ
สถาบันการศึกษาดังกล่าวสามารถส่งข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่หน่วยงานระดับต้นที่มีหน้าที่กำกับดูแลตนได้โดยตรง
เพื่อให้หน่วยงานระดับต้นนั้นนำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบกลางให้
เพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานในระดับถัดไปตามสายบังคับบัญชา และในที่สุด
ข้อมูลทั้งหมดจะถูกตรวจสอบให้ถูกต้องและสามารถนำไปใช้งานร่วมกันได้ระหว่างหน่วยงานต่างสังกัดตามสิทธิการเข้าถึงข้อมูลที่เหมาะสม
ข้อดีของการใช้สถาปัตยกรรมระบบแบบรวมศูนย์ในลักษณะนี้มีหลายประการซึ่งสามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้
คือ
-
การบริหารจัดการข้อมูลและระบบสารสนเทศนั้นมีการบูรณาการทั้งระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลของทุกหน่วยงานกันอย่างแท้จริง
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างรวมศูนย์อยู่ที่เดียว
ทำให้ต้องมีมาตรฐานข้อมูลร่วมกันของทุกหน่วยงานโดยปริยายเพื่อการใช้งานร่วมกันในระบบเดียว
สามารถตรวจสอบความซ้ำซ้อนของข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้ง่าย
สามารถส่งต่อข้อมูลด้านการศึกษาระหว่างระดับชั้นการศึกษาจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งได้ง่าย
ทั้งนี้เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในระบบเดียวกันทั้งหมด
-
การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีความคุ้มค่าสูงสุด
ทำให้ประหยัดงบประมาณในการลงทุนและการบำรุงรักษา ทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์
ระบบและอุปกรณ์เครือข่าย และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและบำรุงรักษาระบบสารสนเทศ
เนื่องจากทุกหน่วยงานใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้งหมด
และเมื่อภาระงานของหน่วยงานใดมีมากในช่วงเวลาที่หน่วยงานอื่นมีภาระงานน้อย
ทรัพยากรส่วนใหญ่จะสามารถนำมาจัดสรรให้หน่วยงานนั้นได้มากตามความต้องการในลักษณะแบบเป็นพลวัต
(Dynamic Resource Allocation) เช่น
การใช้เทคโนโลยีระบบเสมือน (Virtualization) เป็นต้น
ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
2.อธิบายฐานข้อมูลแบบกระจาย
Distributed Database System หรือ ระบบฐานข้อมูลแบบกระจาย คือ ระบบฐานข้อมูลที่มีการกระจายการเก็บฐานข้อมูลไว้ในระบบคอมพิวเตอร์หลายๆ
เครื่อง ซึ่งเครื่องที่ติดตั้งนั้นอาจตั้งอยู่ตามที่ต่างๆ
โดยระบบคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะสื่อสารกันผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ซึ่งผู้ใช้สามารถเรียกใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลที่อยู่ในเครื่องใดก็ได้ และผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับรู้ว่าข้อมูลที่ตนต้องการนั้นจัดเก็บอยู่บนเครื่องใด
และมองเห็นเป็นระบบฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์
ลักษณะสำคัญของ
ระบบฐานข้อมูลแบบกระจาย
1. ความเป็นอิสระของแต่ละส่วนงาน
2. การไม่ขึ้นกับไซต์ที่เป็นส่วนกลาง
3. การทำงานต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
4. ความเป็นอิสระจากสถานที่
5. ความเป็นอิสระในการแบ่งส่วนข้อมูล
6. ความเป็นอิสระในการทำสำเนาข้อมูล
7. การประมวลผลคิวรี่เป็นแบบกระจาย
8. การจัดการรายการเปลี่ยนแปลงเป็นแบบกระจาย
9. ความไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์
10. ความไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการ
11. ความไม่ขึ้นกับเครือข่าย
12. ความไม่ขึ้นกับระบบจัดการฐานข้อมูล
ข้อดีของ ระบบฐานข้อมูลแบบกระจาย
-
การทำงานเป็นไปแบบอิสระต่อกัน
-
หากข้อมูลของส่วนงานอื่นเสียหายก็ไม่ส่งผลกระทบกับส่วนงานอื่นๆ
-
มีความน่าเชื่อถือสูง
-
มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง
-
ประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับใหญ่
-
ง่ายต่อการขยาย
กล่าวคือเหมาะสำหรับหน่วยงานที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตอยู่ตลอดเวลาเช่น
การเพิ่มไซต์หรือสาขา ซึ่งรองรับต่อการขยายระบบในอนาคต
ข้อเสียของ
ระบบฐานข้อมูลแบบกระจาย
-
มีความสลับซับซ้อนกว่าแบบรวมศูนย์
-
เนื่องจากระบบมีความซับซ้อนจึงมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบำรุงรักษาสูง
-
สูญเสียการควบคุมความปลอดภัยเมื่อเทียบกับแบบรวมศูนย์ซึ่งควบคุมง่ายกว่า
-
การควบคุมความถูกต้องตรงกันของข้อมูลเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
-
ยังไม่มีหลักการหรือมาตรฐานการจัดการที่แน่นอนและชัดเจน
-
ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีประสบการณ์การออกแบบฐานข้อมูลมีความซับซ้อนสูง
ระบบการจัดการฐานข้อมูลแบบกระจาย
Distributed
Database Management System (DDBMS) หรือ
ระบบการจัดการฐานข้อมูลแบบกระจาย
คือซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับจัดการฐานข้อมูลแบบกระจายเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งาน
โดยไม่ต้องสนใจในรายละเอียดว่าฐานข้อมูลที่จัดเก็บนั้นจัดเก็บกระจายลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ อย่างไร
การจัดการฐานข้อมูลแบบกระจาย สามารถจำแนกออกได้เป็น 2 ชนิด
คือ
1. Homogeneous DDBMS เป็นระบบการจัดการฐานข้อมูลแบบกระจายที่ทุกๆไซต์
โดยจะใช้ผลิตภัณฑ์ DBMS เดียวกัน
ทำให้รูปแบบข้อมูลของฐานข้อมูลในแต่ละไซต์มีรูปแบบเดียวกันส่งผลให้การออกแบบและการจัดการมีความสะดวกและง่าย เช่นหากองค์กรเลือกใช้ Oracle ดังนั้นทุกๆ สาขาขององค์กรนั้นก็จะใช้ Oracle ด้วยเช่นกันแต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้เหมาะสมกับการนำไปใช้กับองค์การที่เพิ่งเริ่มต้นการใช้งานกับการจัดการฐานข้อมูล
2.
Heterogeneous DDBMS เป็นระบบการจัดการฐานข้อมูลแบบกระจายที่ไซต์บางไซต์อาจจะใช้
DBMS คนละตัวกัน ซึ่งเป็นไปได้ว่าในแต่ละไซต์นั้นได้มีการพัฒนาฐานข้อมูลไว้ใช้
งานของตนเอง โดยวิธีนี้อาจทำให้มีความแตกต่างกันทั้งในด้านฮาร์ดแวร์ DBMS ดังนั้น
จึงส่งผลให้แต่ละสาขาต่างก็มีฐานจ้อมูลที่พัฒนาขึ้นมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน
ก่อให้เกิดปัญหาในด้านของการนำข้อมูลมารวมกัน จึงจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแปลงข้อมูลต่างๆ
ที่เรียกว่า gateway เพื่อให้สามารถนำฐานข้อมูลในรูปแบบหนึ่งมาใช้งานกับฐานข้อมูลของตนได้
การจัดเก็บข้อมูลของ Distributed Database มี 2 วิธีคือ
- Replication เป็นการจัดเก็บข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลส่วนกลาง
แต่จะมีการทำสำเนาบางส่วน (บาง Relation) ไปไว้ยังฐานข้อมูลของไซต์ต่างๆ
เพื่อให้ผู้ใช้ในไซต์นั้นได้ใช้งาน
- Fragmentation เป็นการจัดเก็บข้อมูลด้วยการแบ่งข้อมูลออกเป็น
ส่วนๆ แล้วแยกจัดเก็บในฐานข้อมูลของไซต์ต่างๆ
ที่มา www.sttc.ac.th/~computerbc/backup/.../chapter10.pdf
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น